Wednesday, May 13, 2020

People

Search Results

Web results


Search Results

Web results

Search the world's information, including webpages, images, videos and more. Google has many special features to help you find exactly what you're looking ...
You've visited this page 4 times. Last visit: 10/16/16




The discovery of Vincent Van Goah there's that everyone didn't have to live in the same era and this led to the more personal one live to live.




Wednesday, March 21, 2018

Do not try. "Guinevere the traitor"

The administrative and social structures of the Ancien Régime resulted from years of state-building, legislative acts (like the Ordinance of Villers-Cotterêts), internal conflicts, and civil wars, but they remained and the Valois Dynasty's attempts at re-establishing control over the scattered political centres of the country were hindered by the Huguenot Wars (or Wars of Religion of 1562-1598). Much of the reigns of Henry IV (r. 1589–1610) and Louis XIII (r. 1610–1643) and the early years of Louis XIV (r. 1643–1715) focused on administrative centralization. Despite, however, the notion of absolute monarchy (typified by the king's right to issuelettres de cachet) and the efforts by the kings to develop a centralized state, the Kingdom of France retained administrative irregularities: authority regularly overlapped and nobles struggled to retain autonomy.



Burn Baby Burnedit












Lancelot and Guinevere as depicted in their passion in an 19th century painting and a 20th century film still.



Gwenneviere the queen of rose boel.....


The drive for centralization in this period related directly to questions of royal finances and the ability to wage war. The internal conflicts and dynastic crises of the 16th and 17th centuries (the Huguenot Wars between Catholics and Protestants and theHabsburg's internal family conflict) and the territorial expansion of France in the 17th century demanded great sums which needed to be raised through taxes, such as the land tax (taille) and the tax on salt (gabelle) and by contributions of men and service from the nobility.


The Storming of the Bastille on 14 July 1789, later taken to mark the end of the Ancien Régime; watercolour by Jean-Pierre Houël.....



Thus came the wonderous spring and summer of '2020 grew accustomed to the presence of foreigners and the Effel Tower in their midst.





Sunday, March 11, 2018

marquee


"Would you stlll remember me..?"

Discovering Knights of the round table

Le Morte D'Arthur


Featured Studies in Arthurian Legend

Was Sir Lancelot the greatest knight of all?


The answer is .... yes, according to Chretien de Troyes. He it was who invented Lancelot and added him to Arthur's co...............Stories

Tuesday, February 13, 2018

The Lonely Fantsies

The Lonely Fantsies





ฆาตกรอย่างที่เจ้าเป็น”หากข้าเป็นฆาตกร ก็ขอให้พระเจ้าอย่าปรานี ข้าเถิดท่าน แต่ข้าไม่ได้ฆ่าพวกนั้นด้วยการทรยศหักหลัง” แต่เขาต้องการจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจ แต่ผู้ฟังกลับตีความลึกลงไปกว่านั้น การเวกซึ่งกำกริชอยู่ในมือแล้วร้องว่า – ข้ารู้ดีอยู่ว่าเจ้าหมายความว่ากระไร – และนั่นหมายถึงท่านเซอร์ลาโมรัค.......
อาร์คบิชอบ แห่งโรเชสเตอร์ชูถุงมือขึ้ “การเวก ข เราทะเลาะกันเรื่องนี้ในเวลาอื่นไม่ได้หรือ กจเฉพาะหน้าของเราคือแก้กรรมต่างวาระในข้อกล่าวหาให้แก่พระราชินี ไม่ต้องสงสัยว่า เวอร์ลานซ์สลอต คงอยากจะให้อรรถาธิบายเรื่องที่เดือดร้อนอยู่นี้ เพื่ให้ศาสนาจักรมีเหตุผลรองรับในการไกล่เกลี่ยประนีประนอม ข ขอขอบใจท่าน”
ส่วนการเวกแอบสังเกตูมองดูเขา จนกระทั่งสุรเสียงเหนื่อยอ่อนของพระราชาทรงพระกระแสรรับสั่งให้พวกเขาดำเนินการต่อ และโต้ตอบกันด้วยวาจาสามหาวไร้ความสละสลวยเยี่ยงชนชั้นสูง ส่วนสำเนียงก็กระตุกติดขัดแบบอ๊อกร์นี่จนนับได้หลายๆครั้ง
“เจ้าถูกจับตัวได้ขณะอยู่กับเจ้าหญิง”
* ข้าแต่ท่าน...มีคนได้มาตามตัวข้าไปเข้าเฝ้าองค์หญิง ส่วนข้านั้นไม่ทันรู้สาเหตุ ก็ได้นำตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องนั้น ไม่ทันไรก็ได้ยินท่านเซอรืกราเวน และเซอร์มอร์เดรดมาเขย่าทุบประตูห้ององค์หญิง ร้องเรียกข้าว่าศตรูทรยศและคนกบฏ*
*พวกเขาเรียกถูกต้องแล้วนี่*
ลานซ์สลอ์ตหันหน้ามาตามเสียง *ช้าแต่เซอร์การเวก ในคำร้องตามข้อพิพาทเหล่านี้ พวกเขาได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่าไม่ถูกต้อง ณ.ทีนี้ข้าขอน้อมรับว่ากล่าวแทนพระราชินี หาใช่แทนตัวข้าพเจ้าเองไม่*
*เอาละ เอาละ ท่านเซอร์ ลานซ์สลอ์ต อัศวินผู้อับจนหันไปหา บุคคลคนแรกที่เขารักด้วยความมั่นคง เพื่อนผู้เก่าแก่ของเขา เขาพูดด้วยคำสามัญ
*ทรงให้อภัยเราไม่ได้หรือ เราเป็นเพื่อนกันอีกไม่ได้หรือ เรากลับมาด้วยความสำนึกำผิดนะ อาณ์เธอร์ ทั้งที่เราไม่จำเป็นต้องกลับมาเลยก็ได้ ขอท่านโปรดนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่เราต่อสู้อยู่ด้วยกันและเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรือ เรื่องเลวร้ายทั้งปวงนี้จะถูกชจัดปัดเป่าไปได้ด้วยไมตรีจิตของเซอร์การเวก ถ้าท่านมีเมตตาต่อเรา*
*ได้โปรดพระราชทานความยุติธรรม* อัศวินผมแดงกล่าว *เจ้าได้ให้ความเมตตาแก่น้องชายของข้าหรือเปล่าละ*
*ข้าให้ความเมตตาแก่พวกท่านทุกคนนะ เซอร์การเวก ข้ากล้าพูดโดยไม่โอ้อวดว่า หลายๆคนในห้องนี้เป็นหนี้บุยคุณช้าที่ช่วยปลดปล่อยให้มีอิสรภาพ หากมิใช่ให้รอดชีวิต ข้าต่อสู้แทนพระราชินีในการอื่นมาแล้ว ดังนั้นทำไมข้าจะไม่ต่อสู้ในกรณีของตนเองเล่า และอีกอย่าง ข้าเคยต่อสู้เพื่อท่านมาแล้วเหมือนกันนะ เวอร์การเวก และช่วยให้ท่านพ้นความตายอันไร้เกียรติด้วย*
*ณ บัดนี้มีอ๊อร์กนีย์ เหลืออยู่สองคน*
การเวกสลัดศรีษะไปข้างหลัง
*พระราชาอาจจะทรงกระทำการตามแต่พระทัย ข้าเองตัดสินใจไว้แล้ว หกเดือนก่อนหน้านี้เมื่อข้าพบเซอร์กาเรธ นอนตายจมกองเลือด ไม่ได้ถืออาวุธ*
*ต่อหน้าพระเจ้า ข้าปรารถนาให้เขามีอาวุธ เขาจะได้ต้านทานการต่อสู้กับข้าได้และเขาอาจจะฆ่าข้าตาย จะได้ช่วยให้ข้าพ้นทุกข์จากความทรมานนี้*
*ช่างพูดได้เพราะสูงส่งเหลือเกิน*
ชายสูงอายุรีบพูดออกมาเป็นพรุสวาทแก่ใครก็ตามที่ยอมฟัง
*ทำไมท่านอยากเชื่อว่า ข้าอยากฆ่าพวกเขาเล่า ข้าเป็นคนแต่งตั้งกาเรธเป็นอัศวินนะ ข้ารักเขา วินาทีที่ช้าได้ยินว่าเขาตายแล้ว ข้ารู้ว่าท่านไม่มีวันยอมให้อภัย ข้ารู้ว่าความหวังสิ้นสุดลงแล้ว การฆ่าเซอรืกาเณธนะ มันขัดกับจรรยาบรรณของข้านะ*
มอร์เดร็ดกระซิบ *มันขัดต่อใจของเรา*
ลานซ์สลอ์ต พยายามหว่านล้อมเป้นครั้งสุดท้าย
*การเวก อภัยให้ช้าเถิด หัวใจช้าเจ็บปวดเหลือแสนสำหรับสิ่งที่ข้าทำไป ข้ารู้ว่ามันทำร้ายหัวใจท่านมากเพียงไร เพราะมันทำร้ายหัวใจของข้าเช่นกัน ท่านจะไม่ยอมให้ประเทศเรามีสันติสุขหรือ หากข้าสำนึกผิดก็อย่าบีบให้ข้าต้องต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตเลย แต่ปล่อยให้ช้าจาริกแสวงบุญไป เพื่อเห็นแก่กาเรธเถิด ข้าจะออกเดินทางจากแซนด์วิช โดยสรวมเสื้อตัวเดียว และเดินเท้าเปล่าไปยังคาร์ไลส์ล และข้าจะสร้างวัดอุทิศให้เขาทุกๆสิบไมลืระหว่างทาง*
*เลือดของกาเรธ มอร์เดร็ดกล่าว* *จะต้องไม่ได้รับการชดใช้ด้วยการสร้างวัด ไม่ว่าท่ายบิชอบจากโรเชสเตอร์จะพอใจหรือไม่เพียงใด*
ความอดทนของอัศวินสูงอายุสิ้นสุดลง
*หุบปากเสีย*
การเวกเป็นฟฟืนเป็นไฟขึ้นโดยฉับพลัน
*ทำตัวให้ดีนะเจ้าฆาตกร หากไม่เราจะแทงเจ้าให้ตาย แทบพระบาทของพระราชา นี่แหละ*
*จะต้องใช้ใ*
ท่านบิช๊อบเขาขวางไว้อีกครั้ง
*เซอร์ลานซลอตได้โปรดเถิด ขอให้เราบางคนได้ควบคุมอารมณ์ และสมบัติผู้ดีไว้ตรมควรเถิด การเวก นั่งลง เราได้ข้อเสนอจะปฏิบัติการสำนึกบาปจะชดใช้แก่เลือดของกาเรธ ซึ่งจะทำให้สงครามยุติลงได้ ขอคำตอบจากท่านด้วยเถิด*
หลังจากเกิดความเงียบที่ทุกคนคาดหวังคำตอบอยู่ครู่หนึ่ง ชายร่างยักษ์ผมสีทรายก็กล่าวด้วยเสียงสูงขึ้นว่า
*ข้าได้ฟังคำเสนอของเซอร์ลานซลอตและข้อเสนอที่ยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว แต่ทว่าเขาได้สังหารน้องชายของข้าไป ข้าไม่มีวันให้อภัยได้ ด้วยเขาทรยศต่อเซอรืกาเรธ หากท่านน้าของข้าพระเจ้าอาร์เธอร์ มีพระประสงค์จะยอมคล้อยตามเขา พระราชาก็จะสูญเสียความภักดีของข้าและชาวเกลทุกคน ไม่ว่าเราจะพุดถึงเรื่องนี้อย่างไร เราต่างก็รู้ความจริง ชายคนนี้เป็นคนทรยศที่ถูกเปิดโปงต่อพระราชาและตัวข้า*
*ไม่มีใครสักคนยังมีชีวิตอยู่เรียกข้าว่าคนทรยศนะ การเวกข้าอธิบายเรื่องพระราชินีไปแล้ว*
*พอกันทีเรื่องนั้น ข้าไม่ขอพูดอะไรเกี่ยวกับสตรีคนนั้น หากไม่บังควรจะพูด ข้าพูดถึงการตัดสินวินิจฉัยเจ้าต่างหาก*
*หากเป็นพระราชวินิจฉัยข้าจะขอน้อมรับ*
*พระราชาทรงตกลงกับข้าแล้วก่อนเจ้าจะมา*
*อาร์เธอร์*
*กราบบังคมทูลพระราชาตามพระอิสริยยศด้วย*
*ขอเดชะเป็นความจริงหรือนี่*


พระองค์ทรงค้อมพระเศียร
"อย่างน้อย ขอข้าได้ยินจากพระโอษฐ์ด้วยเถิด*
มอร์เดร็ด ทูลว่า *ตรัสซี่ท่านพ่อ*
พระองค์ได้แต่ส่ายพระเศียร แต่พระเนตรจรดอยู่แทบพระบาท
*ตรัสซิ*


*ถ้าท่านตามข้าไปนะ การเวก ก็ขออย่าท้าข้าสู้เลย อย่าให้อาร์เธอรืมาสู้กับข้า ข้าไม่สามารถสู้กับเพื่อนของข้าได้ การเวกโปรดเห็นแก่พระเจ้าเถิด อย่าทำให้เราต้องสู้กันเลย*
*เลิกพูดได้แล้ว มอบตัวพระราชินีมา แล้วออกจากราชสำนักนี้ไปเร็วไว
ลานซล็อต เขามองดูพระพักตรของกษัตริย์แห่งอังกฤษแล้วเลยไปที่ผู้สร้างความทรมานใจให้แก่เขา เขาหันหน้าอย่างช้าๆสู่พระราชินีผู้วึ่งไม่ได้เอยพระโอษฐ์ตรัสอะไรสักคำ มันเป็นโศกนาฎกรรมที่เขาต้องก้าวข้ามด้วยความสูงส่งด้วยศรีษะที่เชิด
*ถ้ากระนั้น ข้าแต่พระนาง ดูเหมือนว่าเราต้องจากกันแล้ว*
*ลานซลอต* พระสุรเสียงรับสั่ง *เจ้ารู้ว่าความจริงขวางกั้นเราไว้อย่างไร โต๊ะกลมของข้าทลายไปแล้ว อัศวินของข้า ถ้าไม่ตายก็จากไป ข้าไม่เคยหาเรื่องวิวาทกับเจ้า* *Or me or you *
*แต่เราจะยุติมันมิได้หรือ*
การเวกบอกว่าใ*
พระองค์เริ่มรับสั่งเบาแสนเบา *การเวก*
*ความยุติธรรม*
การเวกลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเจ้าเลห์ คุกคาม ยืนตระหง่าน หน้าง้ำ
*พระราชาผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของข้า และท่านน้าของข้า ศาลมีประสงค์จะให้ข้าอ่าน คำพิพากษาต่อหน้าคนทรยศเนรคุณ ผู้นี้* เกิดความเงียบกริบกันไปทั่ว *ใช่ไหม-ถ้าเช่นนั้นขอให้ทุกคนรู้ว่านี่เป็นพระราชโองการ*
*พระราชินีจะทรงกลับคืนสู่พระราชาด้วยเสรีภาพเช่นเดิม และนางจะไม่มีภยันตรายใดๆตามที่คาดไว้ก่อนหน้านี้และนี่เป็นเจตนารมณ์ของพระสันตะปาปา*
*ส่วน เจ้า เซอร์ ลานซล็อต เจ้าจะต้องถูกเนรเทศจากราชอาณาจักรนี้ภายในสิบห้าวัน ในฐานะคนเนรคุณที่ถูกเปิดโปง และพระเจ้าโปรดเป็นสักขีพระยาน เราจะตามเจ้าไปหลังจากเวลานั้น เพื่อทำลายประสาทที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศฝรั่งเศสให้ลงมากองบนธรณีท่วมหูเจ้า*
*การเวก* เขาขอร้องอย่างเจ็บปวด *อย่าตามข้าไปเลยข้าจะน้อมรับการถุกเนรเทศ ข้าจะใช้ชีวิตอยู่ในประสาทฝรั่งเศสของข้า แต่อย่าตามข้าไปเลย การเวก อย่าให้สงครามยืดเยื้อตลอดกาล*
*ปล่อยให้เรื่องนั้นเป็นวิจารณญาณของคนที่ดีกว่าเจ้าเถิด* ปราสาทนั้นเป็นพระราชสมบัติ*
*ถ้าท่านตามข้าไปนะ การเวก ก็ขออย่าท้าข้าสู้เลย อย่าให้อาร์เธอรืมาสู้กับข้า ข้าไม่สามารถสู้กับเพื่อนของข้าได้ การเวกโปรดเห็นแก่พระเจ้าเถิด อย่าทำให้เราต้องสู้กันเลย*
*เลิกพูดได้แล้ว มอบตัวพระราชินีมา แล้วออกจากราชสำนักนี้ไปเร็วไว
ลานซล็อต เขามองดูพระพักตรของกษัตริย์แห่งอังกฤษแล้วเลยไปที่ผู้สร้างความทรมานใจให้แก่เขา เขาหันหน้าอย่างช้าๆสู่พระราชินีผู้วึ่งไม่ได้เอยพระโอษฐ์ตรัสอะไรสักคำ มันเป็นโศกนาฎกรรมที่เขาต้องก้าวข้ามด้วยความสูงส่งด้วยศรีษะที่เชิด
*ถ้ากระนั้น ข้าแต่พระนาง ดูเหมือนว่าเราต้องจากกันแล้ว*
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ เซอร์ลานซล็อต พระเจ้าอาร์เธอร์ และพระนางกวินีเวียร์ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า...............................หากว่าหลักยึดในพระราชหฤทัยของคิงส์อารเธอร์ยังมีความแน่วแน่และมิได้ทะลายครืนลงมา.........


Sunday, March 22, 2015

..The Throne....


     
It began with the collapse of the Western Roman Empire and merged into the Renaissance and the Age of Discovery. The Middle Ages is the middle period of the three traditional divisions of Western history: Antiquity, Medieval period, and Modern period. The Medieval period is itself subdivided into the Early, the High, and the Late Middle Ages. Religious beliefs in the Eastern Empire and Persia were in flux during the late 6th and early 7th centuries. Judaism was an active prosely faith, and at least one Arab political leader converted to it. Christianity had active missions competing with the Persians' Zoroastrianism in seeking converts, but the Bach's flute concerto, especially among residents of the Baltic Peninsula are most popular or not I just want to find out. .

Wednesday, February 11, 2015

....The bell of St. Geneve



The Mona Lisa is a half-length portrait of a woman by the Italian artist Leonardo da Vinci, which has been acclaimed as "the best known, the most visited, the most written about, the most sung about, the most parodied work of art in the world".






Pope Innocent IV sends Dominicans and Franciscans out to the Tartars (Mongols).
In 1245, Innocent IV issued bulls and sent an envoy in the person of Giovanni da Pian del Carpine (accompanied byBenedict the Pole) to the "Emperor of the Tartars".[The message asked the Mongol ruler to become a Christian and stop his aggression against Europe. The Khan Güyük replied in 1246 in a letter written in Persian that still rests in the Vatican Library, demanding the submission of the Pope and the other rulers of Europe

People

Search Results Web results Search Results Web results Google www.google.co.th Search th...